คอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์
เครื่อง
คอมพิวเตอร์ที่ใช้งานในปัจจุบัน เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องมาหลายร้อยปี
เริ่มจากการสร้างอุปกรณ์ที่ไม่มีกลไกซับซ้อน จนกลายมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์มีศักยภาพสูงที่นำมาใช้งานในชีวิตประจำวันใน
ขณะนี้ เพื่อนำมาช่วยทำงานด้านการคำนวณประมวลผล
และสามารถนำไปใช้ในการควบคุมการผลิตงานทางด้านอุตสาหกรรมในโรงงานต่าง ๆ
อุปกรณ์ชิ้นแรกซึ่งเป็นที่มาของคอมพิวเตอร์เริ่มจากการคิดค้นของชาวจีนใน ช่วงปี
พ.ศ. 500 มีการประดิษฐ์ลูกคิด (Abacus) ขึ้นมาช่วยในการคิดเลขจึงถือได้ว่าเครื่องคิดเลขนี้เป็นต้นกำเนิดของเครื่องคิดเลขในยุคต่อมา
ความหมายของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์
เป็นเครื่องมือหรืออุปกรณ์ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานด้วยคำสั่ง ชุดคำสั่ง
หรือโปรแกรมต่าง ๆ สามารถเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายได้หลายแบบ
รวมทั้งเครือข่ายอินเตอร์เน็ตด้วยลักษณะเด่นของคอมพิวเตอร์คือมีศักยภาพสูง
ในการคำนวณประมวลผลข้อมูลทั้งที่เป็นตัวเลข รูปภาพ ตัวอักษร
และเสียง ทำให้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานได้
อย่างกว้างขวาง
ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ที่สามารถทำงานได้ครบถ้วนอย่างมีประสิทธิภาพต้องมีองค์ประกอบสำคัญ
ดังนี้
คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ หมายถึง
ส่วนที่ประกอบเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์รวมอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ที่เราสามารถมองเห็นและสัมผัสได้ เช่น ตัวเครื่อง
จอภาพ คีย์บอร์ด และเมาส์ เป็นต้น
จำแนกหน้าที่ของฮาร์ดแวร์ต่าง
ๆ สามารถแบ่งออกเป็นส่วนสำคัญ 5 ส่วน
คือ
1. หน่วยรับข้อมูลเข้า(Input Unit) เป็น
วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ
ที่นำมาเชื่อมต่อทำหน้าที่ป้อนสัญญาณเข้าสู่ระบบเพื่อกำหนดให้คอมพิวเตอร์ทำ
งานตามความต้องการทั้งวัสดุอุปกรณ์เกี่ยวข้อง เช่น แป้นอักขระ (keyboard) เมาส์(mouse) ซีดีรอม(CD-Rom) ไมโครโฟน(Microphone) ฯลฯ
2. หน่วยประมวลผลกลาง (Central
Processing Unit : CPU) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการคำนวณทั้งทางตรรกะและคณิตศาสตร์
รวมทั้งการประมวลข้อมูลตามคำสั่งที่ได้รับ
3. หน่วยความจำ (Memory
Unit) ทำ
หน้าที่เก็บข้อมูลหรือคำสั่งที่ส่งมาจากหน่วยรับข้อมูล
เพื่อเตรียมส่งไปประมวลผลยังหน่วยประมวลผลกลาง
และเก็บผลลัพธ์ที่ได้มาจากการประมวลผลแล้ว เพื่อเตรียมส่งไปยังหน่วยแสดงผล
4. หน่วยแสดงผล (Output
Unit) ทำหน้าที่แสดงผลข้อมูลที่คอมพิวเตอร์ทำการประมวลหรือผ่านการคำนวณแล้ว
5. อุปกรณ์ต่อพ่วงอื่น
ๆ (Peripheral Equipment) เป็น
อุปกรณ์ที่นำมาต่อพ่วงเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์
เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากยิ่งขึ้น เช่น โมเด็ม แผงวงจรเชื่อมต่อ เครือข่าย
เป็นต้น
ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
ประโยชน์ที่เราได้รับจากการนำคอมพิวเตอร์มาใช้งาน สามารถแบ่งได้ดังนี้
1. มีความเร็วในการทำงานสูง เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานในปัจจุบันสามารถประมวลผลคำสั่งในช่วงเวลา 1 วินาทีได้มากกว่าหนึ่งร้อยล้านคำสั่งจึงใช้ในงานคำนวณต่าง ๆ
ได้อย่างรวดเร็ว เช่น การฝากถอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม
เป็นต้น
2.มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เป็นสัปดาห์ หรือเป็นปีโอกาสเครื่องเสียน้อยมาก
ใช้แทนกำลังคนได้มากมาย
3.มีความถูกต้องแม่นยำตามโปรแกรมที่สั่งงานและข้อมูลที่ใช้
4.เก็บข้อมูลได้มาก ไม่ต้องใช้เอกสารและตู้เก็บ
5.สามารถโอนย้ายข้อมูลจากเครื่องหนึ่งไปอีกเครื่องหนึ่งโดยผ่านระบบเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว
ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน
ระบบคอมพิวเตอร์
ระบบ คอมพิวเตอร์ หมายถึง กรรมวิธีที่คอมพิวเตอร์ทำการใด ๆ
กับข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นประโยชน์ตามความประสงค์ของผู้ใช้มากที่สุด เช่น
การตรวจสอบข้อมูลประชาชนจากระบบทะเบียนราษฎร์ ของสำนักทะเบียนราษฎร์
กรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย ระบบเวชระเบียนของโรงพยาบาล ระบบเสียภาษี
ระบบทะเบียนการค้า ระบบทะเบียนประวัติอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฯลฯ
ถ้าต้องการทราบข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้
สามารถตรวจสอบได้โดยการประมวลผลของระบบคอมพิวเตอร์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้
องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจะประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ส่วน ดังนี้
·ฮาร์ดแวร์ (hardware) หรือส่วนเครื่อง
·ซอฟต์แวร์ (software) หรือส่วนชุดคำสั่ง
·ข้อมูล (data)
·บุคลากร (people)
สรุป คอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์
ดร.จอห์น ฟอน นอยมานน์ ( Dr. John Von Neumann ) เป็นบุคคลที่ได้ทำการออกแบบสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำการโปรแกรมและการประมวลผลบนคอมพิวเตอร์โดยมีการจัดการที่เป็นระบบ
ระบบคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งเป็นองค์ประกอบส่วนสำคัญต่าง ๆ 3 ส่วนด้วยกันโดยแต่ละส่วนก็มีส่วนประกอบย่อย ๆ ดังต่อไปนี้ คือ
1.ฮาร์ดแวร์ ( Hardware )
- หน่วยรับข้อมูล ( Input Unit )
- หน่วยประมวลผลกลาง( Central Processing Unit: CPU )
- หน่วยควบคุม ( Control Unit )
- หน่วยคำนวณและตรรกะ ( ALU )
- หน่วยความจำ ( Memory Unit )
- หน่วยความจำหลัก ( Main Memory )
- หน่วยความจำรอง ( Secondary Storage )
- หน่วยแสดงผลข้อมูล ( Output Unit )
2.ซอฟต์แวร์ ( Software )
- ซอฟต์แวร์ระบบ ( System Software )
- ซอฟต์แวร์ประยุกต์ ( Application Software )
3. บุคลากร ( Peopleware )
-โปรแกรมเมอร์ ( Programmers )
- นักวิเคราะห์ระบบ ( System Analyst )
- ผู้จัดการระบบเครือข่าย ( System or Network Managers )
-ผู้บริหารฐานข้อมูล ( Database Administrators: DBA )
- เวบมาสเตอร์ ( Web Masters )
- ช่องเทคนิคคอมพิวเตอร์ ( Computer Technicians )
- ผู้ใช้งาน ( End Users )
ระบบ
ปฏิบัติการเป็นโปรแกรมระบบที่ใช้สำหรับควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์รวมทั้ง
การจัดสรรทรัพยากรในระบบให้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งเปรียบเสมือนกับรัฐบาลที่ควยดูแลองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
จัดหาหนทางที่เหมาะสมในการใช้ทรัพยากร ( Resource ) ร่วมกันที่มีอยู่อย่างจำกัดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
วิวัฒนาการของระบบปฏิบัติการ
1. การป้อนงานแบบกลุ่มด้วยมือ ( Manual Batch System )
2. การประมวลผลแบบกลุ่มโดยอัตโนมัติ ( Automatic Batch
Processing )
2.1 การทำงานแบบบัฟเฟอร์ ( Buffering )
2.2 การประมวลผลแบบออฟไลน์ ( Off-Line )
2.3 การทำงานแบบสพูลลิ่ง (Spooling )
3.ระบบมลติโปรแกรมมิ่ง ( Multiprogramming )
4.ระบบแบ่งเวลา ( Time-Sharing )
5.ระบบตอบสนองการใช้งานแบบฉับพลัง (Real-Time System )
ระบบ (System) คือกลุ่มขององค์ประกอบที่มีความสัมพันธ์กันและทำงานร่วมกัน
ซึ่งระบบคอมพิวเตอร์จะมีองค์ ประกอบที่สำคัญ 3 ส่วน
คือ
1.ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
2.ซอฟต์แวร์ (Software)
3.บุคลากร (Peopleware)
ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง อุปกรณ์ต่าง ๆ
ที่เป็นตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเป็นส่วนประกอบดังนี้
หน่วยรับข้อมูล หน่วยประมวลผล หน่วยแสดงผล
1. หน่วยรับข้อมูล (Input unit) เป็นอุปกรณ์รับเข้า ทำหน้าที่รับโปรแกรมและข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์รับเข้าที่ใช้กันเป็นส่วนใหญ่ คือ แป้นพิมพ์ ( Keyboard ) และเมาส์ ( Mouse) นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์รับเข้าอื่น ๆ อีก ได้แก่ สแกนเนอร์ ( Scanner), วีดีโอคาเมรา (Video Camera), ไมโครโฟน (Microphone),ทัชสกรีน (Touch screen), แทร็คบอล (Trackball), ดิจิตเซอร์ เทเบิ้ล แอนด์ ครอสแชร์ (Digiter tablet and crosshair)
2. หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit) หรือเรียกโดยทั่ว ๆ ไปว่า CPU ซึ่งถือว่าเป็นสมองของระบบคอมพิวเตอร์ มีส่วนประกอบที่สำคัญ 2 ส่วน คือ หน่วยควบคุม หน่วยคำนวณ
หน่วยรับข้อมูล หน่วยประมวลผล หน่วยแสดงผล
1. หน่วยรับข้อมูล (Input unit) เป็นอุปกรณ์รับเข้า ทำหน้าที่รับโปรแกรมและข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์รับเข้าที่ใช้กันเป็นส่วนใหญ่ คือ แป้นพิมพ์ ( Keyboard ) และเมาส์ ( Mouse) นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์รับเข้าอื่น ๆ อีก ได้แก่ สแกนเนอร์ ( Scanner), วีดีโอคาเมรา (Video Camera), ไมโครโฟน (Microphone),ทัชสกรีน (Touch screen), แทร็คบอล (Trackball), ดิจิตเซอร์ เทเบิ้ล แอนด์ ครอสแชร์ (Digiter tablet and crosshair)
2. หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit) หรือเรียกโดยทั่ว ๆ ไปว่า CPU ซึ่งถือว่าเป็นสมองของระบบคอมพิวเตอร์ มีส่วนประกอบที่สำคัญ 2 ส่วน คือ หน่วยควบคุม หน่วยคำนวณ
2. 1.หน่วยควบคุม (Control Unit หรือ CU) ทำหน้าที่ควบคุมลำดับขั้นตอนการทำงานของหน่วยรับข้อมูล หน่วยแสดงผล
หน่วยคำนวณและหน่วยตรรก หน่วยความจำและแปลคำสั่ง
2.2.หน่วยคำนวณและตรรก (Arithmetic and Logic Unit หรือ ALU) ทำหน้าที่ในการคำนวณหาตัวเลข
เช่น การบวก ลบ การเปรียบเทียบ
3. หน่วยความจำ เป็นอุปกรณ์ใช้เก็บโปรแกรมและข้อมูลที่ใช้ในการประมวลผล
4. หน่วยความจำภายใน (Primary Storage Section หรือ Memory) เป็นหน่วยความจำที่อยู่ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถติดต่อกับหน่วยงานอื่น
ๆ ได้โดยตรง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
4.1. หน่วยความจำภายใน
- หน่วยความจำแบบแรม (Random Access Memory หรือ Ram) เป็นหน่วยความจำชั่วคราว
ที่ใช้สำหรับเก็บโปรแกรมที่กำลังใช้งานอยู่ขณะนั้น
มีความจุของหน่วยเก็บข้อมูลไม่เกิน 640 KB คือผู้ใช้สามารถเขียนหรือลบไปได้ตลอดเวลา
ถ้าหากปิดเครื่องคอมพิวเตอร์หรือไฟฟ้าดับ จะมีผลทำให้ข้อมูลต่าง ๆ
ที่เก็บไว้สูญหายไปหมด และไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้
- หน่วยความจำแบบรอม (Read Only Memory หรือ Rom) เป็นหน่วยความจำถาวร ที่สามารถอ่านได้อย่างเดียว ไม่สามารถบันทึกข้อมูลได้
ถึงแม้ว่าจะปิดเครื่องหรือไฟฟ้าดับ ข้อมูลที่เก็บไว้จะยังคงอยู่
4.2. หน่วยความจำสำรอง ได้แก่ เทปแม่เหล็ก
จานแม่เหล็ก แผ่นดิสก์ (Diskett) CD-ROM
แผ่นดิสก์หรือสเกต เป็นจานแม่เหล็กขนาดเล็ก
ชนิดอ่อน จัดเก็บข้อมูลโดยใช้อำนาจแม่เหล็ก การใช้งานจะต้องมี Disk
Drive เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ในการ Disk Drive เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ในการขับเคลื่อนแผ่นดิสก์
โดยแบ่งตำแหน่งพื้นผิวออกเป็น แทร็คและเซ็คเตอร์ แบ่งออกเป็น 3 ขนาด คือ
1.แผ่นดิสก์ขนาด 8 นิ้ว ปัจจุบันไม่นิยมใช้
2. แผ่นดิสก์ขนาด 5.25 นิ้ว แบ่งออกเป็น DD สามรถบันทึกข้อมูลได้ประมาณ 360 KB และ HD สามารถบันทึกข้อมูลได้ 1.2 MB
3. แผ่นดิสก์ขนาด 3.5 นิ้ว แบ่งออกเป็น DD สามารถบันทึกข้อมูลได้ประมาณ 720 KB และ HD สามารถบันทึกข้อมูลได้ 1.44 MB นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน
หน่วยความจำต่ำสุด คือ บิต (BIT [Binary Digit]) โดยใช้บิตแทน 1 ตัวอักขระ หรือ 1 ไบต์ (Bite) หน่วยที่ใหญ่ขึ้นมาอีกหน่วย คือ กิโลไบต์ (Kilobyte) โดยที่ 1 กิโลไบต์ มีค่าเท่ากับ 2 10 ไบต์ หรือ 1,024 ไบต์
หน่วยความจำที่ใหญ่ขึ้นไปอีก เรียกว่า เมกะไบต์ กิกะไบต์ และเทระไบต์
ฮาร์ดดิสก์ ( Hard Disk ) เป็นจานแม่เหล็กชนิดแข็ง
ชนิดติดแน่นไม่มีการเคลื่อนที่ สามารถบรรจุข้อมูลได้จำนวนมาก เป็น 2 ขนาด คือ
1. ขนาด 5.25 นิ้ว (ปัจจุบันเลิกใช้แล้ว)
2. ขนาด 3.5 นิ้ว
ทั้ง 2 ขนาดจะมีความจุ ตั้งแต่ 10,20,40,80,120,300,400 MB1 GB,2 GB ฯลฯ ปัจจุบันนิยมใช้ตั้งแต่ 10 GB ขึ้นไป
1. ขนาด 5.25 นิ้ว (ปัจจุบันเลิกใช้แล้ว)
2. ขนาด 3.5 นิ้ว
ทั้ง 2 ขนาดจะมีความจุ ตั้งแต่ 10,20,40,80,120,300,400 MB1 GB,2 GB ฯลฯ ปัจจุบันนิยมใช้ตั้งแต่ 10 GB ขึ้นไป
Data
Rate หมายถึง
ความเร็วในการอ่านข้อมูลจากดิสก์ไปสู่สมองของเครื่องคอมพิวเตอร์ (หรือมีความเร็วในการนำข้อมูลมาจากสมองเครื่องไปบันทึกลงบนดิสก์)
มีหน่วยวัดเป็น จำนวนไบต์ต่อวินาที ( Bytes Per Second หรือ bps )
ซีดีรอม (CD-Rom ) เป็นจานแสงชนิดหนึ่ง
ใช้เก็บข้อมูลที่มีความเร็วในการใช้งานสูง มี
คุณสมบัติดังนี้
1.เป็นสื่อที่สามารถเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก โดยจะมีความจุสูงถึง 2 GB (2 พันล้านไบต์)
2.มีขนาดเล็ก สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวกใช้เทคโนโลยีของแสงเลเซอร์ในการอ่านเขียนข้อมูล
2.มีขนาดเล็ก สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวกใช้เทคโนโลยีของแสงเลเซอร์ในการอ่านเขียนข้อมูล
เป็นจานแสงชนิด
3. หน่วยแสดงผล (Output Unit) ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือใช้เก็บผลลัพธ์เพื่อนำไปใช้ภายหลัง ได้แก่ จอภาพ (Monitor) เป็นอุปกรณ์ส่งออกมากที่สุด เครื่องพิมพ์ (Printer)
3. หน่วยแสดงผล (Output Unit) ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือใช้เก็บผลลัพธ์เพื่อนำไปใช้ภายหลัง ได้แก่ จอภาพ (Monitor) เป็นอุปกรณ์ส่งออกมากที่สุด เครื่องพิมพ์ (Printer)
ซอฟแวร์ (Software) หมายถึงโปรแกรมชุดคำสั่งที่เขียนให้เครื่องคอมพิวเตอร์ปฏิบัติตาม
ซึ่งมี 2ประเภท คือ
1.ซอฟแวร์ควบคุมระบบ (System Software) คือ
ชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์
เป็นสื่อกลางระหว่างโปรแกรมประยุกต์กับเครื่องคอมพิวเตอร์
เพื่อช่วยในการจัดการทรัพยากรของคอมพิวเตอร์ ได้แก่ โปรแกรมควบคุมเครื่อง
ระบบปฏิบัติการ เช่น DOS, Windows, Os/2, Unix
2.ซอฟแวร์ประยุกต์ (Application Software) คือ
ชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่เขียนขึ้นมาเพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ
ได้แก่ โปรแกรมสำเร็จรูปต่าง ๆ
บุคลากร (Peopleware) หมายถึง
บุคลากรทางคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ในการใช้และดูแลเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น นักเขียนโปรแกรม
(Programmer) นักวิเคราะห์ระบบ (System
Analyst) เป็นต้น
อ่านได้อย่างเดียว ( Read Only Memory ) ไม่สามารถเขียนหรือลบข้อมูลได้
ระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักคือๆ
1.หน่วยประ่มวลผลกลาง (Central Processing Unit = CUP) เปรียบเสมือนสมองของ
คอมพิวเตอร์ เพราะทำหน้าที่คิดคำนวณและประมวลผลชุดคำสั่ง ๆที่เราสั่งเข้าไป
2.หน่วยรับข้อมูลเข้า (INput Unit) เป็นอุปกรณ์ที่รับและส่งข้อมูลเข้าไปในระบบ
คอมพิวเตอร์เช่น แป้นพิมพ์ (Keyboard) , และเมาส์ (Mouse) เป็นต้น
3.หน่วยแสดงผลข้อมูล (Output Unit) ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์ได้จากการประมวลผล
ต่างๆ โดยอาจจะแสดงออกมา เช่น
- จอภาพ
- เครื่องพิมพ์
- แฟกซ์
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
1.ตัวเครื่อง (Case) ทำหน้าที่ป้องกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชิ้นด้านในเพื่อไม่ให้
ชิ้นส่วนที่สำคัญภายในได้รับความเสียหาย ที่ตัวเครื่องจะเห็นแต่ CD-ROM Driver
Disk,
ปุ่ม Power ปุ่ม Restart ที่ติดตั้งอยู่ภายนอก
2.จอภาพ (Monitor) เป็นอุปกรณ์แสดงผลข้อมูลออกมาเป็นตัวเลข
ตัวอักษร
ข้อความ ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว มีลักษณะคล้ายจอโทรทัศน์
3.เมาส์ (Mouse) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้บังคับตัวชี้
(Mouse Pointer) บนจอภาพเพื่อเลือก
คำสั่งต่างๆแทนการป้อนคำสั่งทางคีย์บอร์ด
ช่วยในการทำงานสะดวกและรวดเร็ว มี
รูปร่างคล้่ายหนูจังเรียนว่า เมาส์
4.แป้นพิมพ์ (Keyboard)
แป้นพิมพ์หรือคีย์บอร์ดเป็นอุปกรณ์สำหรับนำเข้าข้อมูลขั้นพื้นฐานทำหน้าที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับระบบคอมพิวเตอร์โดยส่งคำสั่งหรือข้อมูลจากผู้ใช้ไปสู่หน่วยประมวลผลในระบบคอมพิวเตอร์ ภายในแป้นพิมพ์จะมีแผงวงจรหลักที่จะประกอบด้วยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นบางๆที่ถูกฉาบด้วย
หมึกที่เป็นตัวนำไฟฟ้าเมื่อถูกกดจนติดก็จะมีกระแสไฟฟ้าไหลในตัววงจรเมื่อผู้ใช้กดแป้นใดแป้นหนึ่งข้อมูลในรูปของสัญญาณไฟฟ้าจากแป้นกดแต่ละแป้นจะถูกเปรียบเทียบรหัส(Scan
Code) กับรหัสมาตรฐานของแต่ละแป้นที่กด
เพื่อเปลี่ยนให้เป็นตัวอักษรตัวเลขหรือสัญลักษณ์ไปแสดงบนจอภาพแป้นพิมพ์สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า
คล้ายแป้นพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ดีดโดยจะมีปุ่มตัวอักษร สัญลักษณ์
และอักขระต่างๆตาม
มาตรฐานสากลแต่มีแป้นกดที่ทำหน้าที่พิเศษเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีปุ่มต่างๆ
ทั้งสิ้น 101ปุ่มแต่ปัจจุบันอาจเพิ่มปุ่มพิเศษมากขึ้นอีกเพื่อสนับสนุนการใช้งานกับโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ๆ
ระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System) คือ ระบบที่พัฒนามาจาก 2 ส่วนใหญ่ๆคือ ฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ ฮาร์ดแวร์เป็นส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ที่สามารถจับต้องได้ส่วนซอฟแวร์เป็น โปรแกรมที่ทำงารอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะทำงานตามที่ผู้ใช้กำหนด
ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
ประกอบไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆ 5 ส่วนได้แก่
- อุปกรณ์รับข้อมูล (Input Device) เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่รับข้อมูลจากผู้ใช้เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
- หน่วยประมวลผลกลาง (CPU : Central Processing Unit) มีหน้าที่ในการประมวลผลคำสั่งหรือข้อมูลต่างๆ
- หน่วยความจำหลัก (Primary Storage) เป็น ส่วนที่มีหน้าที่ในการจัดเก็บข้อมูลหรือคำสั่งต่างๆ ก่อนที่จะส่งไปยังหน่วยประเมิลผลกลางเพื่อทำการประมวลผลต่อไป เมื่อเปิดเครื่ององคอมพิวเตอร์ข้อมูลในหน่วยความจำก็จะหายไปหมด
อุปกรณ์แสดงข้อมูล (Output Device) เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่ในการแสดงผลต่างๆตัวอย่างที่ใช้กันประจำ ได้แก่ จอภาพ และเครื่องพิมพ์ เป็นต้น
หน่วยความจำสำรอง (Auxiliary Storage) มี หน้าที่ในการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งการจัดเก็บข้อมูลของหน่วยความจำสำรองนี้จะเป็นการจัดเก็บที่ถาวร ข้อมูลจะไม่หายไปเมื่อปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว ตัวอย่าง เช่น ฮาร์ดดิสก์ แผ่นดิสก์ เป็นต้น
ซอฟต์แวร์ (Software)
ในส่วนของซอฟต์แวร์ก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
- ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) ทำหน้าที่ในการจัดการทรัพยากรของเครื่องคอมพิวเตอร์ และทำหน้าที่ติดต่อระหว่างฮาร์ดแวร์กับผู้ใช่ได้ด้วย
- ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) เป็นซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นมาให้ผู้ใช้ทำงานต่างๆ เช่น พิมพ์งาน วาดภาพ เป็นต้น
ลักษณะของคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์นั้น ถ้ามองในด้านลักษณะคอมพิวเตอร์จะสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภทใหญ่ๆ ดั้งนี้
คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer)เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียว และไม่ได้ทำการติดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ
ลักษณะแบบ (Time-sharing)เป็นลักษณะที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องมาต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางโดยคอมพิวเตอร์เหล่านั้นเรียกว่า Terminal ทุก เครื่องจะส่งคำสั่งที่ต้องการมาประมวลผลที่เครื่องคอมพิวเตอร์ศูนย์กลาง เพราะการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางจะต้องมีเวลาในการประมวลคำ สั่งต่าง ๆ ที่ส่งมาจาก Terminal ทุกเครื่องในลักษณะแบบ Time-sharing
ลักษณะแบบ (Client/Server)เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็น Server คอยดูแลจัดทรัพยากรของระบบทั้งหมด และมีเครื่อง Clients ต่อเข้าเครื่อง Server โดยใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ที่เครื่อง Server มีอยู่ ตามสิทธิของผู้ใช้แต่ละคน และการประมวลผลจะไม่ทำอยู่บนเครื่อง Server แต่จะประมวลที่ Clients แต่ละเครื่องเอง แล้วอาจนำข้อมูลต่าง ๆ ไปเก็บที่เครื่อง Server
ภาษาคอมพิวเตอร์ (Computer Languages)
ในการเขียนโปรแกรมนั้น ผู้ใช้จะต้องใช้ภาษาคอมพิวเตอร์เขียนโปรแกรมเรียกว่าซอฟต์แวร์ขึ้นมา ภาษาคอมพิวเตอร์นั้นจะมีตั้งแต่ละดับภาษาของเครื่องขึ้นมาจนถึงภาษาธรรมชาติ
ภาษาเครื่อง (Machine Languages) ภาษาที่เครื่องคอมพิวเตอร์เข้าใจมากที่สุด ซึ่งจะเป็นลักษณะแบบเลขฐานสอง คือ 0 กับ 1
ภาษาสัญลักษณ์ (Symbolic Languages) เมื่อ คอมพิวเตอร์ได้พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆและมีผู้ใช้มากขึ้น จึงมีคนมองเห็นว่าการที่จะเขียนโปรแกรมควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยภาษาเครื่อง นั้น จะทำให้การพัฒนาทางด้านซอฟต์แวร์เป็นไปได้ช้า จึงได้มีการพัฒนาภาษาสัญลักษณ์ขึ้นเพื่อให้การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์สะดวก ยิ่งขึ้น แต่การที่นำโปรแกรมนั้นไปใช้ จะต้องทำการเปลี่ยนภาษาสัญลักษณ์เป็นภาษาเครื่องก่อนเสมอ
ภาษาระดับสูง (High-Level Languages) เป็น ภาษาที่พัฒนามาจากภาษาสัญลักษณ์อีกทีหนึ่ง แต่จะมีลักษณะที่คล้ายกับภาษามนุษย์มากยิ่งขึ้น การแปลงภาษาระดับให้เป็นภาษาเครื่องนั้นจะมีวิธีการเรียกว่าคอมไฟล์ ภาษาระดับได้แก่ FORTRAN COBOL และ ภาษาC
ภาษาธรรมชาติ (Natural Languages) ภาษา ธรรมชาติก็คือภาษาที่มนุษย์พูดกัน เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน เป็นต้น ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นไม่สามารถที่จะเข้าใจได้เลย ในปัจจุบันยังไม่มีคนนิยมใช้กันมากนัก
ระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System) คือ ระบบที่พัฒนามาจาก 2 ส่วนใหญ่ๆคือ ฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ ฮาร์ดแวร์เป็นส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ที่สามารถจับต้องได้ส่วนซอฟแวร์เป็น โปรแกรมที่ทำงารอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะทำงานตามที่ผู้ใช้กำหนด
ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
ประกอบไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆ 5 ส่วนได้แก่
- อุปกรณ์รับข้อมูล (Input Device) เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่รับข้อมูลจากผู้ใช้เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
- หน่วยประมวลผลกลาง (CPU : Central Processing Unit) มีหน้าที่ในการประมวลผลคำสั่งหรือข้อมูลต่างๆ
- หน่วยความจำหลัก (Primary Storage) เป็น ส่วนที่มีหน้าที่ในการจัดเก็บข้อมูลหรือคำสั่งต่างๆ ก่อนที่จะส่งไปยังหน่วยประเมิลผลกลางเพื่อทำการประมวลผลต่อไป เมื่อเปิดเครื่ององคอมพิวเตอร์ข้อมูลในหน่วยความจำก็จะหายไปหมด
อุปกรณ์แสดงข้อมูล (Output Device) เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่ในการแสดงผลต่างๆตัวอย่างที่ใช้กันประจำ ได้แก่ จอภาพ และเครื่องพิมพ์ เป็นต้น
หน่วยความจำสำรอง (Auxiliary Storage) มี หน้าที่ในการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งการจัดเก็บข้อมูลของหน่วยความจำสำรองนี้จะเป็นการจัดเก็บที่ถาวร ข้อมูลจะไม่หายไปเมื่อปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว ตัวอย่าง เช่น ฮาร์ดดิสก์ แผ่นดิสก์ เป็นต้น
ซอฟต์แวร์ (Software)
ในส่วนของซอฟต์แวร์ก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
- ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) ทำหน้าที่ในการจัดการทรัพยากรของเครื่องคอมพิวเตอร์ และทำหน้าที่ติดต่อระหว่างฮาร์ดแวร์กับผู้ใช่ได้ด้วย
- ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) เป็นซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นมาให้ผู้ใช้ทำงานต่างๆ เช่น พิมพ์งาน วาดภาพ เป็นต้น
ลักษณะของคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์นั้น ถ้ามองในด้านลักษณะคอมพิวเตอร์จะสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภทใหญ่ๆ ดั้งนี้
คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer)เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียว และไม่ได้ทำการติดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ
ลักษณะแบบ (Time-sharing)เป็นลักษณะที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องมาต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางโดยคอมพิวเตอร์เหล่านั้นเรียกว่า Terminal ทุก เครื่องจะส่งคำสั่งที่ต้องการมาประมวลผลที่เครื่องคอมพิวเตอร์ศูนย์กลาง เพราะการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางจะต้องมีเวลาในการประมวลคำ สั่งต่าง ๆ ที่ส่งมาจาก Terminal ทุกเครื่องในลักษณะแบบ Time-sharing
ลักษณะแบบ (Client/Server)เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็น Server คอยดูแลจัดทรัพยากรของระบบทั้งหมด และมีเครื่อง Clients ต่อเข้าเครื่อง Server โดยใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ที่เครื่อง Server มีอยู่ ตามสิทธิของผู้ใช้แต่ละคน และการประมวลผลจะไม่ทำอยู่บนเครื่อง Server แต่จะประมวลที่ Clients แต่ละเครื่องเอง แล้วอาจนำข้อมูลต่าง ๆ ไปเก็บที่เครื่อง Server
ภาษาคอมพิวเตอร์ (Computer Languages)
ในการเขียนโปรแกรมนั้น ผู้ใช้จะต้องใช้ภาษาคอมพิวเตอร์เขียนโปรแกรมเรียกว่าซอฟต์แวร์ขึ้นมา ภาษาคอมพิวเตอร์นั้นจะมีตั้งแต่ละดับภาษาของเครื่องขึ้นมาจนถึงภาษาธรรมชาติ
ภาษาเครื่อง (Machine Languages) ภาษาที่เครื่องคอมพิวเตอร์เข้าใจมากที่สุด ซึ่งจะเป็นลักษณะแบบเลขฐานสอง คือ 0 กับ 1
ภาษาสัญลักษณ์ (Symbolic Languages) เมื่อ คอมพิวเตอร์ได้พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆและมีผู้ใช้มากขึ้น จึงมีคนมองเห็นว่าการที่จะเขียนโปรแกรมควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยภาษาเครื่อง นั้น จะทำให้การพัฒนาทางด้านซอฟต์แวร์เป็นไปได้ช้า จึงได้มีการพัฒนาภาษาสัญลักษณ์ขึ้นเพื่อให้การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์สะดวก ยิ่งขึ้น แต่การที่นำโปรแกรมนั้นไปใช้ จะต้องทำการเปลี่ยนภาษาสัญลักษณ์เป็นภาษาเครื่องก่อนเสมอ
ภาษาระดับสูง (High-Level Languages) เป็น ภาษาที่พัฒนามาจากภาษาสัญลักษณ์อีกทีหนึ่ง แต่จะมีลักษณะที่คล้ายกับภาษามนุษย์มากยิ่งขึ้น การแปลงภาษาระดับให้เป็นภาษาเครื่องนั้นจะมีวิธีการเรียกว่าคอมไฟล์ ภาษาระดับได้แก่ FORTRAN COBOL และ ภาษาC
ภาษาธรรมชาติ (Natural Languages) ภาษา ธรรมชาติก็คือภาษาที่มนุษย์พูดกัน เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน เป็นต้น ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นไม่สามารถที่จะเข้าใจได้เลย ในปัจจุบันยังไม่มีคนนิยมใช้กันมากนัก
สรุป คอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์
ดร.จอห์น ฟอน นอยมานน์( Dr. John Von Neumann )เป็นบุคคลที่ได้ทำการออกแบบสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำการโปรแกรมและการประมวลผลบนคอมพิวเตอร์โดยมีการจัดการที่เป็นระบบ
ระบบคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งเป็นองค์ประกอบส่วนสำคัญต่าง ๆ 3 ส่วนด้วยกันโดยแต่ละส่วนก็มีส่วนประกอบย่อย ๆ ดังต่อไปนี้ คือ
1.ฮาร์ดแวร์ ( Hardware )
- หน่วยรับข้อมูล ( Input Unit )
- หน่วยประมวลผลกลาง( Central Processing Unit: CPU )
- หน่วยควบคุม ( Control Unit )
- หน่วยคำนวณและตรรกะ ( ALU )
- หน่วยความจำ ( Memory Unit )
- หน่วยความจำหลัก ( Main Memory )
- หน่วยความจำรอง ( Secondary Storage )
- หน่วยแสดงผลข้อมูล ( Output Unit )
2. ซอฟต์แวร์ ( Software )
- ซอฟต์แวร์ระบบ ( System Software )
-
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ ( Application Software )
3. บุคลากร ( Peopleware )
- โปรแกรมเมอร์ ( Programmers )
-
นักวิเคราะห์ระบบ ( System Analyst )
- ผู้จัดการระบบเครือข่าย ( System or Network Managers )
- ผู้บริหารฐานข้อมูล ( Database Administrators: DBA )
- เวบมาสเตอร์ ( Web Masters )
- ช่องเทคนิคคอมพิวเตอร์ ( Computer Technicians )
- ผู้ใช้งาน ( End Users )
ระบบ
ปฏิบัติการเป็นโปรแกรมระบบที่ใช้สำหรับควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์รวมทั้ง
การจัดสรรทรัพยากรในระบบให้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งเปรียบเสมือนกับรัฐบาลที่ควยดูแลองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
จัดหาหนทางที่เหมาะสมในการใช้ทรัพยากร ( Resource )
ร่วมกันที่มีอยู่อย่างจำกัดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
วิวัฒนาการของระบบปฏิบัติการ
1.การป้อนงานแบบกลุ่มด้วยมือ ( Manual Batch System )
2.การประมวลผลแบบกลุ่มโดยอัตโนมัติ ( Automatic Batch
Processing )
2.1 การทำงานแบบบัฟเฟอร์
( Buffering )
2.2 การประมวลผลแบบออฟไลน์
( Off-Line )
2.3 การทำงานแบบสพูลลิ่ง(Spooling
)
3.ระบบมลติโปรแกรมมิ่ง ( Multiprogramming )
4.
ระบบแบ่งเวลา ( Time-Sharing )
5ระบบตอบสนองการใช้งานแบบฉับพลัง (Real-Time System )
ระบบ
(System)คือกลุ่มขององค์ประกอบที่มีความสัมพันธ์กันและทำงานร่วมกันซึ่งระบบคอมพิวเตอร์จะมีองค์ประกอบที่สำคัญ
3 ส่วน คือ
ฮาร์ดแวร์
(Hardware)
ซอฟต์แวร์
(Software)
บุคลากร
(Peopleware)
ฮาร์ดแวร์(Hardware) หมายถึงอุปกรณ์ต่าง
ๆที่เป็นตัวเครื่องคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็นส่วนประกอบดังนี้
หน่วยรับข้อมูลหน่วยประมวลผล หน่วยแสดงผล
1. หน่วยรับข้อมูล (Input unit) เป็นอุปกรณ์รับเข้าทำหน้าที่รับโปรแกรมและข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์รับเข้าที่ใช้กันเป็นส่วนใหญ่คือ แป้นพิมพ์ ( Keyboard ) และเมาส์ ( Mouse) นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์รับเข้าอื่นๆ อีก ได้แก่ สแกนเนอร์ ( Scanner), วีดีโอคาเมรา (Video Camera), ไมโครโฟน (Microphone),ทัชสกรีน (Touch screen), แทร็คบอล (Trackball), ดิจิตเซอร์ เทเบิ้ลแอนด์ครอสแชร์ (Digiter tablet and crosshair)
2. หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit) หรือเรียกโดยทั่ว ๆไปว่า CPU ซึ่งถือว่าเป็นสมองของระบบคอมพิวเตอร์มีส่วนประกอบที่สำคัญ 2 ส่วนคือ หน่วยควบคุม หน่วยคำนวณ
หน่วยรับข้อมูลหน่วยประมวลผล หน่วยแสดงผล
1. หน่วยรับข้อมูล (Input unit) เป็นอุปกรณ์รับเข้าทำหน้าที่รับโปรแกรมและข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์รับเข้าที่ใช้กันเป็นส่วนใหญ่คือ แป้นพิมพ์ ( Keyboard ) และเมาส์ ( Mouse) นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์รับเข้าอื่นๆ อีก ได้แก่ สแกนเนอร์ ( Scanner), วีดีโอคาเมรา (Video Camera), ไมโครโฟน (Microphone),ทัชสกรีน (Touch screen), แทร็คบอล (Trackball), ดิจิตเซอร์ เทเบิ้ลแอนด์ครอสแชร์ (Digiter tablet and crosshair)
2. หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit) หรือเรียกโดยทั่ว ๆไปว่า CPU ซึ่งถือว่าเป็นสมองของระบบคอมพิวเตอร์มีส่วนประกอบที่สำคัญ 2 ส่วนคือ หน่วยควบคุม หน่วยคำนวณ
หน่วยควบคุม (Control Unit หรือ CU)
ทำหน้าที่ควบคุมลำดับขั้นตอนการทำงานของหน่วยรับข้อมูลหน่วยแสดงผลหน่วยคำนวณและหน่วยตรรกหน่วยความจำและแปลคำสั่ง
หน่วยคำนวณและตรรก(Arithmetic and Logic Unit หรือ ALU) ทำหน้าที่ในการคำนวณหาตัวเลขเช่น การบวก
ลบการเปรียบเทียบ
หน่วยความจำเป็นอุปกรณ์ใช้เก็บโปรแกรมและข้อมูลที่ใช้ในการประมวลผล
3.
หน่วยความจำภายใน (Primary Storage Section หรือ
Memory) เป็นหน่วยความจำที่อยู่ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถติดต่อกับหน่วยงานอื่นๆ
ได้โดยตรง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
หน่วยความจำภายใน
- หน่วยความจำแบบแรม (Random Access Memory หรือ Ram)
เป็นหน่วยความจำชั่วคราวที่ใช้สำหรับเก็บโปรแกรมที่กำลังใช้งานอยู่ขณะนั้นมีความจุของหน่วยเก็บข้อมูลไม่เกิน
640 KB คือผู้ใช้สามารถเขียนหรือลบไปได้ตลอดเวลาถ้าหากปิดเครื่องคอมพิวเตอร์หรือไฟฟ้าดับจะมีผลทำให้ข้อมูลต่าง
ๆที่เก็บไว้สูญหายไปหมดและไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้
- หน่วยความจำแบบรอม (Read Only Memory หรือ Rom)
เป็นหน่วยความจำถาวรที่สามารถอ่านได้อย่างเดียวไม่สามารถ
บันทึกข้อมูลได้ถึงแม้ว่าจะปิดเครื่องหรือไฟฟ้าดับข้อมูลที่เก็บไว้จะยังคง
อยู่
2.
หน่วยความจำสำรองได้แก่เทปแม่เหล็ก จานแม่เหล็กแผ่นดิสก์ (Diskett)
CD-ROM
แผ่นดิสก์หรือสเกตเป็นจานแม่เหล็กขนาดเล็กชนิดอ่อนจัดเก็บข้อมูลโดยใช้อำนาจแม่เหล็กการใช้งานจะต้องมี
Disk Drive เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ในการ
Disk Drive เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ในการขับเคลื่อนแผ่นดิสก์โดยแบ่งตำแหน่งพื้นผิวออกเป็นแทร็คและเซ็คเตอร์แบ่งออกเป็น
3 ขนาด คือ
แผ่นดิสก์ขนาด
8 นิ้วปัจจุบันไม่นิยมใช้
แผ่นดิสก์ขนาด
5.25 นิ้วแบ่งออกเป็น DD
สามรถบันทึกข้อมูลได้ประมาณ 360 KB และ HD
สามารถบันทึกข้อมูลได้ 1.2 MB
แผ่นดิสก์ขนาด
3.5 นิ้วแบ่งออกเป็น DD
สามารถบันทึกข้อมูลได้ประมาณ 720 KB และ HD
สามารถบันทึกข้อมูลได้ 1.44 MB นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน
หน่วยความจำต่ำสุด คือบิต (BIT
[Binary Digit]) โดยใช้บิตแทน 1 ตัวอักขระ
หรือ 1 ไบต์ (Bite) หน่วยที่ใหญ่ขึ้นมาอีกหน่วยคือ
กิโลไบต์ (Kilobyte) โดยที่ 1 กิโลไบต์
มีค่าเท่ากับ 2 10 ไบต์หรือ 1,024 ไบต์หน่วยความจำที่ใหญ่ขึ้นไปอีกเรียกว่า เมกะไบต์ กิกะไบต์และเทระไบต์
ฮาร์ดดิสก์ ( Hard Disk ) เป็นจานแม่เหล็กชนิดแข็งชนิดติดแน่นไม่มีการเคลื่อนที่สามารถบรรจุข้อมูลได้จำนวนมากเป็น
2 ขนาด คือ
1. ขนาด 5.25 นิ้ว (ปัจจุบันเลิกใช้แล้ว
1. ขนาด 5.25 นิ้ว (ปัจจุบันเลิกใช้แล้ว
2. ขนาด 3.5 นิ้ว
ทั้ง 2 ขนาดจะมีความจุตั้งแต่ 10,20,40,80,120,300,400 MB1 GB,2 GB ฯลฯปัจจุบันนิยมใช้ตั้งแต่ 10 GB ขึ้นไป
ทั้ง 2 ขนาดจะมีความจุตั้งแต่ 10,20,40,80,120,300,400 MB1 GB,2 GB ฯลฯปัจจุบันนิยมใช้ตั้งแต่ 10 GB ขึ้นไป
Data Rateหมายถึงความเร็วในการอ่านข้อมูลจากดิสก์ไปสู่สมองของเครื่องคอมพิวเตอร์
(หรือมีความเร็วในการนำข้อมูลมาจากสมองเครื่องไปบันทึกลงบนดิสก์)มีหน่วยวัดเป็นจำนวนไบต์ต่อวินาที
( Bytes Per Second หรือ bps )
ซีดีรอม (CD-Rom ) เป็นจานแสงชนิดหนึ่งใช้เก็บข้อมูลที่มีความเร็วในการใช้งานสูงมี
คุณสมบัติดังนี้
1.เป็นสื่อที่สามารถเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมากโดยจะมีความจุสูงถึง
2 GB (2 พันล้านไบต์)
2.มีขนาดเล็กสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก
3.ใช้เทคโนโลยีของแสงเลเซอร์ในการอ่านเขียนข้อมูล
3.ใช้เทคโนโลยีของแสงเลเซอร์ในการอ่านเขียนข้อมูล
เป็นจานแสงชนิด
3. หน่วยแสดงผล (Output Unit) ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์หรือใช้เก็บผลลัพธ์เพื่อนำไปใช้ภายหลังได้แก่ จอภาพ (Monitor) เป็นอุปกรณ์ส่งออกมากที่สุดเครื่องพิมพ์ (Printer)
3. หน่วยแสดงผล (Output Unit) ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์หรือใช้เก็บผลลัพธ์เพื่อนำไปใช้ภายหลังได้แก่ จอภาพ (Monitor) เป็นอุปกรณ์ส่งออกมากที่สุดเครื่องพิมพ์ (Printer)
ซอฟแวร์ (Software) หมายถึงโปรแกรมชุดคำสั่งที่เขียนให้เครื่องคอมพิวเตอร์ปฏิบัติตามซึ่งมี
2ประเภท คือ
ซอฟแวร์ควบคุมระบบ (System Software) คือ ชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลางระหว่าง โปรแกรมประยุกต์กับเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยในการจัดการทรัพยากรของ คอมพิวเตอร์ได้แก่โปรแกรมควบคุมเครื่องระบบปฏิบัติการ เช่น DOS, Windows, Os/2, Unix
ซอฟแวร์ควบคุมระบบ (System Software) คือ ชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลางระหว่าง โปรแกรมประยุกต์กับเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยในการจัดการทรัพยากรของ คอมพิวเตอร์ได้แก่โปรแกรมควบคุมเครื่องระบบปฏิบัติการ เช่น DOS, Windows, Os/2, Unix
ซอฟแวร์ประยุกต์ (Application Software) คือชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่เขียนขึ้นมาเพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการได้แก่โปรแกรมสำเร็จรูปต่าง
ๆ
บุคลากร (Peopleware) หมายถึงบุคลากรทางคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ในการใช้และดูแลเครื่องคอมพิวเตอร์เช่น
นักเขียนโปรแกรม (Programmer) นักวิเคราะห์ระบบ (System
Analyst) เป็นต้น
อ่านได้อย่างเดียว ( Read Only Memory ) ไม่สามารถเขียนหรือลบข้อมูลได้
ระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักคือๆ
1.หน่วยประ่มวลผลกลาง (Central Processing Unit = CUP) เปรียบเสมือนสมองของ
คอมพิวเตอร์
เพราะทำหน้าที่คิดคำนวณและประมวลผลชุดคำสั่ง ๆที่เราสั่งเข้าไป
2.หน่วยรับข้อมูลเข้า(INput Unit) เป็นอุปกรณ์ที่รับและส่งข้อมูลเข้าไปในระบบ
คอมพิวเตอร์เช่น
แป้นพิมพ์ (Keyboard) , และเมาส์ (Mouse) เป็นต้น
3.หน่วยแสดงผลข้อมูล (Output Unit) ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์ได้จากการประมวลผล
ต่างๆ
โดยอาจจะแสดงออกมา เช่น
- จอภาพ
- เครื่องพิมพ์
- แฟกซ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น